เมื่อ : 11 ก.ย. 2565 , 207 Views
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดตัวโครงการ “HERB TO GO สมุนไพรไทยพร้อมไปต่อ” โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่จะช่วยพัฒนายกระดับวิสาหกิจชุมชน ด้วยการใช้แพลตฟอร์มความร่วมมือเเละความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดสินค้าและบริการ ดัน 3 จังหวัดต้นเเบบ ได้แก่ กระบี่ สกลนคร สมุทรปราการ มุ่งใช้สมุนไพรท้องถิ่น ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างจุดขาย เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ตั้งเป้าต่อยอดโมเดลสู่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป ภายในงาน เมื่อเร็วๆ นี้ (9 ก.ย. 65) ณ ห้อง Auditorium ชั้น M สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นประธานเปิดงานโดยมี ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเเละประเทศ นางสาวสกุณา สาระนันท์ สมาชิกผู้เเทน ราษฏร เขต 5 จังหวัดสกลนคร และนางสาวพิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สมาชิกผู้เเทนราษฏร จังหวัดกระบี่ให้เกียรติร่วมเสวนา พร้อมแชร์ประสบการณ์ในการพัฒนาชุมชน โดยมี ดร.ชาคริต พิชยางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ นำคณะผู้จัดงานให้การต้อนรับ ท่ามกลางผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมงานจำนวนมาก ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA เปิดเผยว่า CEA มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้กระบวนการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ (Value Creation) ให้แก่สมุนไพรไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจชีวภาพและเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยของเรานั้นตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น ทำให้มีความหลากหลายของพันธุ์พืชสูง ตลาดสมุนไพรไทยจึงเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในเอเชียและยุโรป ซึ่งสินทรัพย์ล้ำค่าเหล่านี้มีอยู่ในท้องถิ่นทั่วประเทศ “CEA จึงเล็งเห็นช่องทางการนำมาพัฒนาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ผนวกกับองค์ความรู้ด้านการพัฒนาธุรกิจ นวัตกรรม สร้างเป็นแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย ที่สามารถยกระดับวิสาหกิจชุมชน สู่การเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนให้ดียิ่งขึ้นเเละการต่อยอดเชิงพาณิชย์ในตลาดท้องถิ่นเเละตลาดสากลต่อไป” ด้าน นางสาวสกุณา สาระนันท์ สมาชิกผู้เเทนราษฏร เขต 5 จังหวัดสกลนคร ในฐานะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม กล่าวเสริมภายในงานว่า “ในปัจจุบันการปลูกสมุนไพรใช้เพียงภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้น ยังไม่ได้เพิ่มองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเลย แต่ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้แล้ว 10,000 บาท ต่อครัวเรือน อย่างยั่งยืน” ทั้งนี้ โครงการ “HERB TO GO สมุนไพรไทยพร้อมไปต่อ” จัดทำต้นแบบในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จากกระบี่ สกลนคร และสมุทรปราการ โดยมี 9 แบรนด์ต้นแบบ ภายใต้แนวคิด “A New Shade of Thai Herb: มิติความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของสมุนไพรไทย” ที่ CEA ร่วมกับ วิสาหกิจชุมชน ที่ปรึกษาการตลาด ที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี นักสร้างสรรค์ท้องถิ่น ผ่านตัวแทนขายในท้องถิ่น นำสินค้าและบริการมาประยุกต์ใช้ด้วยการออกแบบ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ค้นหาจุดขายที่พิเศษไม่เหมือนใครของท้องถิ่น สร้างเรื่องราวของแบรนด์ เชื่อมต่อโอกาสทางธุรกิจกับหมุดหมายของท้องถิ่น นับเป็นโมเดลพัฒนาธุรกิจนี้ที่โดดเด่นแตกต่างจากโมเดลพัฒนาธุรกิจอื่น ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการ “HERB TO GO สมุนไพรไทยพร้อมไปต่อ” จาก 3 จังหวัดต้นแบบประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ “KRABI GOES GREEN” นำเสนอแบรนด์ 1.SUNPALM โดย วิสาหกิจกระบี่น้ำมันปาล์มแดงธรรมชาติ พืชเศรษฐกิจของจังหวัดกระบี่ คือปาล์มแดง ทางชุมชนจึงนำผลปาล์มแดง มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นครีมกันแดดผิวกาย UV Protector SPF50+ PA++++ ที่ไม่ทำร้ายปะการังเป็นมิตรต่อสิ่งเเวด ล้อมเเละเเหล่งน้ำ 2.Pethology+ โดย วิสาหกิจชุมชนเจริญทองร่วมใจ ผลิตภัณฑ์สเปรย์สมุนไพรป้องกันโรคผิวหนังในสัตว์เลี้ยง ที่นำใบถอบแถบน้ำ เเละพืชท้องถิ่นนำมาเป็นส่วนผสมหลัก 3. Mika Klare โดย วิสาหกิจชุมชนสาหร่ายขนนกกระบี่ ผลงานจากผู้ประกอบการกลุ่มเพาะพันธุ์สาหร่ายขนนกที่ได้นำวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานสู่การเพิ่มมูลค่าและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เจลดูแลสภาพผิวหลังออกแดด จังหวัดสกลนคร “SUPERFOOD SUPERFRUIT” นำเสนอแบรนด์ 1.Harng Grains โดย วิสาหกิจชุมชนข้าวฮางวาริชภูมิ นำข้าวฮางที่ขึ้นชื่อของชาวอีสานมาพลิกโฉมใหม่ และเพิ่มทางเลือกในการรับประทานให้ผู้บริโภคด้วยการพัฒนาเป็นสแน็กบาร์ผสมธัญพืชพร้อมรับประทาน ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่มากกว่าเดิมเช่นสาร Gaba จากข้าวฮางเเละประโยชน์จากธัญพืชเเละผลไม้ 2.CannaBy โดย วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผสมผสานภูมิบ้านเเป้น ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มพร้อมชงที่เกิดจากการรวมคำว่า Cannabis และ Honey เข้าด้วยกัน มีส่วนผสมของกัญชาพันธุ์หางกระรอกภูพานและน้ำผึ้ง มีคุณสมบัติที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อทุกคนได้ดื่มจะยิ้มและนึกถึงเอกลักษณ์ของบ้านแป้น 3.Warino โดย วิสาหกิจชุมชนปลูกพืชสมุนไพรและพฤกษเวชบ้านดงเชียงเครือ ผลผลิตการจากพัฒนาผลิตภัณฑ์ผงปรุงรสธรรมชาติผสมกัญชาบรรจุซอง สำหรับทำอาหารให้มีรสอูมามิกลมกล่อม จากบ้านดงเชียงเครือ จังหวัดสกลนคร ที่มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งเพาะปลูกกัญชาพันธุ์หางกระรอกภูพาน จังหวัดสมุทรปราการ “HEALTH TO GO” นำเสนแบรนด์ 1.Maingo โดย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากชนิดเม็ดยาสีฟันในรูปแบบอัดเม็ดที่มีส่วนผสมจากสารสกัด Mangiferin จากใบมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งเเบคทีเรีย บรรจุในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย พกพาสะดวก ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้านักเดินทาง 2.Zenplura โดย วิสาหกิจชุมชนน้ำเพื่อสุขภาพบางปลา THC ใบขลู่ คือพืชที่พบได้มากตามแถบป่าชายเลนของจังหวัด ผู้ประกอบการนำมาสกัดสารสำคัญผสมกับสารสกัดใบบัวบกและใบว่านหางจระเข้ ยกระดับสินค้าเป็นสเปรย์บำรุงผิวหน้าประจำวัน ที่มีส่วนผสมของสารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ 3.Im Sook – Im Jai (อิ่มสุขอิ่มใจ) โดย วิสาหกิจชุมชนสหกรณ์การเกษตรบางบ่อ นำสุดยอดวัตถุดิบ 3 ชนิดของสมุทรปราการ ได้แก่ จมูกข้าวกล้องหอมนิล ปลาสลิดบางบ่อ และ ผำ (ไข่น้ำ) มาแปรรูปเป็นโจ๊กจมูกข้าวหอมนิลเพื่อสุขภาพ ที่อุดมด้วยโปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ เปี่ยมด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ทั้ง 9 แบรนด์ที่กล่าวมานี้ นับเป็นต้นแบบจากการร้อยเรียงระหว่าง สมุนไพรไทย-ภูมิปัญญา-เรื่องราว-ชุมชน และพลังสร้างสรรค์ของท้องถิ่น จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานรากสู่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับจังหวัด ทั้งในมิติของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในภาคการบริการและการท่องเที่ยวให้ยั่งยืนต่อไป สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียด ความเคลื่อนไหว และความก้าวหน้าของโครงการฯ ช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ และร่วมเป็นกำลังใจให้กับ 9 วิสาหกิจชุมชน ได้ทางเว็บไซต์ และ Facebook ของ CEA
Tag :